R (ชุดที่ 4) - Ranvier & Rolando

Ranvier & Rolando

        เห็นชื่อทั้งสอง  'R'  ที่กล่าวถึง แพทย์และนักศึกษาแพทย์ส่วนมากคงจะพอจำได้ ! 
รายแรก หลุยส์ อองตวน รองวิเอ (Louis Antoine Ranvier, ค.ศ. 1835-1922) เป็นแพทย์ชาวฝรั่งเศส
ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยา ทางกายวิภาคศาสตร์และมิญชวิทยา (histology) ที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะมีนามเรียก
“ปุ่มรองวิเอ” (node of Ranvier) ที่ค้นพบยาวประมาณหนึ่งไมโครเมตรเป็นช่วง ๆ บนปลอกไมอีลิน
(myelin sheath) ของเส้นประสาทส่วนปลาย เป็นตำแหน่งที่ช่วยทำให้กระแสไฟฟ้าประสาทไปเร็วขึ้นแบบ
ก้าวกระโดด (saltatory conduction)

        ปัจจุบันความเข้าใจโครงสร้างระดับอณูของปุ่มรองวิเอก้าวหน้าไปมาก ทำให้นักวิจัยที่สนใจ
โรคประสาทส่วนปลายโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับภาวะภูมิต้านตนเองอย่างกลุ่มอาการกิย์แยง-บาร์เร
(Guillain-Barré syndrome, GBS) หันมาศึกษาโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของไมอีลิน ณ จุดนี้ 
ดังเป็นที่ทราบกันดีว่า GBS แบ่งได้เป็นหลายชนิด เช่น ชนิดอักเสบเฉียบพลันแบบ acute inflammatory
demyelinating polyneuropathy (AIDP)  แบบ acute motor axonal neuropathy (AMAN) 
และชนิดอักเสบเรื้อรังแบบ chronic inflammatory demyelinating polyneuropathy (CIDP) เป็นต้น 
เมื่อเร็ว ๆ นี้การศึกษาหาแอนติเจนใน AIDP และ CIDP ที่ยังไม่พบก็ได้พบแอนติบอดีใหม่ ๆ
ต่อโปรตีนที่ปุ่มรองวิเอเพิ่มขึ้นอีกหลายตัวโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส
(cytomegalovirus หรือ CMV) เป็นปรากฏการณ์เลียนแบบอณู (molecular mimicry) เหมือนที่เคยพบ
กับการติดเชื้อ Campylobacter jejuni และ Haemophilus influenza ที่ทราบกันแล้ว

        'R'  รายที่สอง ลุยจิ โรลานโด (Luigi Rolando, ค.ศ. 1773-1831) เป็นแพทย์นักกายวิภาค
ชาวอิตาเลียน เกิดที่เมืองตูริน (Turin) แต่ศึกษาที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมื่อนโปเลียนเข้ายึดอิตาลี
โรลานโดถูกเนรเทศไปอยู่สาร์ดิเนีย (Sardinia) ถึง 12 ปีกว่าจะกลับไปเป็นศาสตราจารย์ทางกายวิภาคศาสตร์
ที่ตูริน  ชื่อของโรลานโดเป็นชื่อที่สองต่อจากฟรานซิสคัส สิลเวียส (Franciscus Sylvius, ค.ศ. 1614-1672)
ที่ชื่อถูกนำไปใช้เรียกชื่อ รอยแยกสมอง (cerebral fissure) นานถึง 176 ปีต่อมา (Fissure of Sylvius
ค.ศ. 1663, Fissure of Rolando ค.ศ. 1839) !

        ชื่อลมชักโรลานดิก (Rolandic epilepsy, RE) อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของอายุรแพทย์  เป็นโรคลมชัก
ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานนักและเกิดขึ้นในเด็กและวัยรุ่นจึงเป็นภาระของกุมารแพทย์  RE เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง
พบบ่อยในเด็กอายุ 3-13 ปี โดยเฉพาะอายุ 8-9 ปีและมักหายไปเองระหว่างอายุ 14-18 ปี จุดเริ่มต้นอยู่ที่
สมองร่องกลาง (central sulcus) หรือที่เรียกบริเวณขมับถึงส่วนกลาง รอบ ๆ  รอยแยกโรลานดิก
โดยเด็กมีอาการหน้าหรือปากข้างหนึ่งกระตุกหรือหน้าครึ่งซีกชา อาการอาจเกิดขึ้นขณะนอนหลับตอนกลางคืน
มีเสียงคล้ายกรน บางครั้งจะพูดแต่พูดไม่ได้ ปากมีน้ำลายสอ วินิจฉัยยืนยันได้จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
พบคลื่นปลายแหลมที่บริเวณขมับถึงส่วนกลาง (centrotemporal spikes) เนื่องจากอาการไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย 
ในหลายกรณีแพทย์มักไม่ให้ยากันชักแต่ที่จำเป็นก็คือ การอธิบายให้พ่อแม่เด็กเข้าใจว่า RE จะหายเอง 
ในรายที่จะต้องใช้ยาก็ใช้ไม่นานและยาเช่น valproate, gabapentin หรือ levetiracetam ก็ให้ผลดีใกล้เคียงกัน 
ดีที่สุดก็คือให้ผู้ปกครองเด็กและเด็กพบกุมารประสาทแพทย์ โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานพบภาวะ
เสียการอ่านรู้ความ (dyslexia) ในเด็กที่เป็น RE ซึ่งอาจเป็นจนโตแล้ว ประเภทอ่านถนนคอนกรีตเป็น
ถนนคอ-นก-รีต เป็นต้น !

 
แนะนำเอกสาร
1)  Willison H, Scherer SS.  (2014).  Ranvier revisited.  Novel nodal antigens stimulate interest 
     in GBS pathogenesis.  Neurology.  83 : 106-108

2)  Sawai S, Satoh M, Mori M, et al.  (2014).  Moesin is a possible target molecule for 
     cytomegalovirus-related Guillain-Barr? syndrome.  Neurology.  83 : 113-117.

3)  Barbara JG.  (2007).  Louis Antoine Ranvier (1835-1922).  Journal of Neurology.  253 : 399-400.

4)  Pearce JMS.  (1999).  The fissure of Rolando.  J Neurol Neurosurg Psychiatry.  67 : 528.

5)  Beaussart M.  (1972).  Benign epilepsy of children with Rolandic (Centro-temporal) 
     paroxysmal foci.  A clinical entity.  Study of 221 cases.  Epilepsia.  13 : 795-811.

6)  Garzon E.  (2014).  Is rolandic epilepsy really benign?  Arq Neuropsiquiatr.  72 : 821-823.

7)  Oliviera EP, Neri ML, Capelato LL, et al.  (2014).  Rolandic epilepsy and dyslexia.  
     Arq Neuropsiquiatr.  72 : 826-831.

 

 

[ back ]