C (ชุดที่ 2) - Caffeine

Caffeine


        แคฟเฟอีนเป็นสารกระตุ้นจิตประสาทที่เป็นที่นิยมมากที่สุดทั่วโลกมานาน ผิดกับนิโคติน (บุหรี่) และแอลกอฮอล์
(สุรา) ที่เกือบจะไม่มีแรงต่อต้านทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ  กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มนุษย์รู้จักมาแต่ดึกดำบรรพ์แต่เพียงเมื่อ
ปี ค.ศ. 1819 ที่แพทย์หนุ่มชาวเยอรมัน ฟรีดลีบ แฟร์ดินันด์ รุงเง (Friedlieb Ferdinand Runge) แยกสารเคมี
แคฟเฟอีนจากกาแฟ และอีกไม่กี่ปีต่อมาก็มีนักเคมีพบสารนั้นในชา  ปัจจุบันคนรุ่นใหม่อาจจะไม่นิยมดื่มกาแฟเหมือน
รุ่นพ่อแต่ก็ดื่มน้ำอัดลมที่มีแคฟเฟอีนเป็นส่วนผสมที่สำคัญ เช่น โคคา-โคลา (โค้ก) หรือเป๊ปซี่  โค้กหรือเป๊ปซี่
1 กระป๋อง (ประมาณ 300 มิลลิลิตร) มีแคฟเฟอีนประมาณ 40-45 มิลลิกรัม  ในขณะที่กาแฟที่นิยมดื่มกันปัจจุบัน
มีแคฟเฟอีนประมาณ 2 เท่า (100 มิลลิกรัม)

        เมื่อ 20 ปีกว่ามาแล้ว ผู้เขียนบังเอิญได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารนี้ที่เป็นส่วนประกอบของยาแก้ปวดซึ่งขณะนั้น
เป็นแอสไพริน  ยาซองชนิดต่าง ๆ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ชาวนาชาวบ้านที่ใช้ยานี้มีเลือดออกจากกระเพาะและ
แผลเปปติคทะลุกันมาก  การถอนสูตรยาเหล่านี้ได้ช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง   ผู้ที่ดื่มกาแฟมากเป็นประจำทุกวันจะทราบ
ดีว่า ถ้าผู้ที่ใช้ยาแก้ปวดที่มีแคฟเฟอีนผสมอยู่ติดสารนี้ขาดกาแฟจะไม่สบาย ปวดศีรษะ (coffee-withdrawal
headache)  เออร์กอตามีน (ergotamine) เป็นยารักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนที่จะมีแคฟเฟอีนผสมอยู่ด้วยใน
ปริมาณที่มาก  นัยว่าเพื่อช่วยการดูดซึมยาแก้ปวดทำให้ยาออกฤทธิ์เร็วขึ้น แต่จริง ๆ แล้วอาจมีเจตนาแอบแฝงเป็น
อย่างอื่นก็ได้ !

        ในช่วงตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษนี้มีผู้สนใจนำแคฟเฟอีนมาศึกษาทดลองใช้รักษาโรคพาร์กินสันมากขึ้นหลังจาก
ที่มีผู้พบว่า แคฟเฟอีนเสริมฤทธิ์ยา levodopa เมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้ว  การศึกษาล่าสุดในผู้ป่วย 61 รายพบว่า
แคฟเฟอีนช่วยให้หน้าที่ประสาทสั่งการดีขึ้น  ช่วยการเดินและการเคลื่อนไหวของแขนขาเพราะแคฟเฟอีนมีฤทธิ์
เป็นทั้ง adenosine A2A receptor antagonist และ D2 agonist จึงควรแนะนำให้ผู้ป่วยพาร์กินสันดื่มกาแฟหรือ
โค้กวันละแก้ว !
 
 
แนะนำเอกสาร
1)  Weinberg BA, Bealer BK.  (2001).  The World of Caffeine.  The science and culture of
     the world’s most popular drug.  New York: Routledge.  394 pp.

2)  Greden JF, Victor BS, Fontaine P, Lubetsky M.  (1980).  Caffeine-withdrawal headache.  A clinical 
     profile.  Psychosomatics.  21 : 411-418.

3)  Hering-Hanit R, Gadoth N.  (2003).  Caffeine-induced headache in children and adolescents.  
     Cephalalgia.  23 : 332-335.   
 
4)  Postuma RB, Lang AE, Munhoz RP, et al.  (2012).  Caffeine for treatment of Parkinson disease:
     a randomized controlled trial.  Neurology.  79 : 651-658. 

5)  Schwarzschild MA.  (2012).  Caffeine in Parkinson disease.  Better for cruise control than snooze 
     patrol?  Neurology.79 : 616-618.   

6)  Schwarzschild MA, Agnati L, Fuxe K, Chen JF, Morelli M.  (2006).  Targeting adenosine A2A receptors
     in Parkinson’s disease.  Trends Neurosci.  29 : 647-654. 

 

 

[ back ]